บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ ตฤณ แจ่มถิน
วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ครั้งที่ 7 เวลาเรียน 14.10-17.30น.
เวลาเข้าสอน 14.00 น.เวลาเรียน 14.00 น. เวลาเลิกเรียน 16.30 น.
ครั้งที่ 7 เวลาเรียน 14.10-17.30น.
เวลาเข้าสอน 14.00 น.เวลาเรียน 14.00 น. เวลาเลิกเรียน 16.30 น.
ทักษะของครูและทัศนคติ
การฝึกเพิ่มเติม
-อบรมระยะสั้น,สัมมนา
-สื่อต่างๆ
การเข้าใจภาวะปกติ
-เด็กมักคล้ายคลึงกันมากกว่าแตกต่าง
-ครูต้องเรียนรู้,มีปฎิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ
-รู้จักเด็กแต่ล่ะคน
-มองเด็กให้เป็น''เด็ก''
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
-การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
(ถ้าเรารู้เร็วเท่าไร เราก็จะได้แก้ไข)
ความพร้อมของเด็ก
-วุฒิภาวะ
-แรงจูงใจ(เด็กแต่ละคนมีแรงจูงใจที่แตกต่างกัน)
-โอกาส
การสอนโดยบังเอิญ(เมื่อเด็กเข้ามาหาครู หรือเมื่อเด็กสงสัย)
-ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม
-เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ยังมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น
-ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
-ครูต้องมีความสนใจเด็ก
-ครูต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
-ครูต้องมีอุปกรณ์และกิจกรรมล่อใจเด็ก
-ครูต้องมีความตั้งใจจริงในการช่วยให้เด็กแต่ละคนได้เรียนรู้
-ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
-ครูต้องทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
อุปกรณ์(ในห้องเรียนที่เรียนร่วม)
-มีลักษณะง่ายๆ
-ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
-เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
-เด็กปกติเรียนรู้ที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กพิเศษ
-ของเล่นที่ดี ต้องเป็นวิธีการเล่นที่ไม่ตายตัว เช่น บล็อก เลโก้ แป้งโด
-ของเล่นที่ตายตัว เช่น จับคู่ภาพเหมือน จิกซอ
ตารางประจำวัน(ทำให้เป็นประจำทุกวัน)
-เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำ
-กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้
-เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
-การสลับกิจกรรมที่อยู่เงียบๆกับกิจกรรมที่เคลื่อนไหวมากๆ
-คำนึงถึงความพอเหมาะของเวลา
ทัศนคติของครู
ความยืดหยุ่น
-การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
-ยอรับขอบเขตความสามารถของเด็ก
-ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ล่ะคน
การใช้สหวิทยาการ
-ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ
-สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
เด็กทุกคนสอนได้
-เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
-เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
เทคนิคการให้แรงเสริม
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
-ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
-มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที
-หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงและหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่
-ตอบสนองด้วยวาจา
-การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
-พยักหน้ารับ ยิ้ม ฟัง
-สัมผัสทางกาย
-ให้ความช่วยเหลือ,ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
-ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
-ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์
-ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท(Prompting)
-ย่อยงาน
-ลำดับความยากง่ายของงาน
-การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู่ความสำเร็จ
-การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
-สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
-วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละชิ้น
-สอนจากง่ายไปยาก
-ให้แรงเสริมทันทีเมื่อเด็กทำได้ หรือเมื่อเด็กพยายามอย่างเหมาะสม
-ลดการบอกบท เมื่อเด็กเรียนรู้ที่จะก้าวปขั้นต่อไป
-ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
-ทีละขั้นไม่เร่งรัด "ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น"
-ไม่ดุหรือตี
การกำหนดเวลา
-จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
-พฤติกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
เช่น การเข้าห้องน้ำ การนอนพักผ่อน การหยิบและเก็บของ การกลับบ้าน
-สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย้อนมาจากข้างหลัง
เด็กตักซุป
-การจับช้อน
-การตัก
-การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
-การเอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หกรดคาง
-การเอาซุปออกจากช้อนเข้าสู้ปาก
การลดหรือหยุดแรงเสริม
-ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
-ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
-เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกไปจากเด็ก
-เอาเด็กออกจากการเล่น(หยุดทันทีถ้าเด็กแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม)
ความคงเส้นคงวา(Post test)
-การสอนโดยบังเอิญหมายความอย่างไร
-การสอนโดยบังเอิญครูต้องพึงปฎิบัติอย่างไร
-ตารางประจำวันของเด็กควรเป็นอย่างไร
-การให้แรงเสริมต่อเด็กมีวิธีการอย่างไรบ้าง
การนำไปประยุกต์ใช้
สามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนหรือปรับใช้ในอนาคต เมื่อเกิดขึ้นหรือสถานการณ์จริง และเข้าใจถึงพัฒนาการของเด็ก
ประเมินตนเอง
-แต่งกายเรีบยร้อย
-เข้าเรียนตรงเวลา
-ตั้งใจฟังอาจารย์ผู้สอน
-มีความสุขในการเรียน
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆแต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจฟังอาจารย์ให้ความรู้ ในการเรียนการสอนก็ร่วมแสดงยกตัวอย่าง และเห็นภาพเข้าใจมากขึ้น และมีความสุขในการเรียน
ประอาจารย์
สอนเนื้อหาเข้าใจ สนุก เน้นซ้ำเนื้อหาเพื่อให้นักศึกษาเข้าใจ และบ้างครั้งยกตัวอย่างพร้อมแสดง เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นและเห็นภาพตาม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น